เลือกตั้งท้องถิ่นต้องอิสระไม่สังกัดพรรคการเมือง
นายอัครเดช วันไชยธนวงศ์ อดีตนายกอบจ.ที่ครองตำแหน่งมาถึง 19 ปี ระบุการเลือกตั้ง ผู้บริหารท้องถิ่นจะต้องเป็นอิสระ ไม่ใช่ให้พรรคการเมืองกำหนดแนวทางบริหารแทน
เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2568 ซึ่งเป็นโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้งนายกและสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยทั้งผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก และสมาชิกลุยหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการชิงเก้าอี้นายก อบจ.แม่ฮ่องสอน ระหว่างแชมป์เก่านายอัครเดช วันไชยธนวงศ์ อายุ 57 ปีผู้สมัครหมายเลข 1 อดีตนายก อบจ. แม่ฮ่องสอน 3 สมัย กับนายดนุภัทร์ เชียงชุม อายุ 57 ปี ผู้สมัครหมายเลข 2 อดีตประธานสภา
อบจ.แม่ฮ่องสอน และเคยเป็น ส.อบจ.มาแล้ว 3 สมัย ต่างฝ่ายต่างเชื่อมั่นใจว่าจะสามารถคว้าชัยชนะได้ทั้งคู่ ขณะที่นายอัครเดช ผู้สมัครเป็นนายกหมายเลข 1 มั่นใจในผลงานที่ทำมาก้าวหน้าและต่อเนื่องจะได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้ได้เข้าไปสานงานต่อ ส่วน นายดนุภัทร์ ผู้สมัครนายกหมายเลข 2 ก็เชื่อว่าชาวแม่ฮ่องสอนจะเปิดโอกาสให้คนที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขแม่ฮ่องสอนแท้ๆ ได้เข้าไปทำงานเพื่อคนแม่ฮ่องสอนเช่นกัน
ล่าสุดนายอัครเดช วันไชยธนวงศ์ ผู้สมัครนายก อบจ.แม่ฮ่องสอน หมายเลข 1 ได้เปิดเผยในการเร่งหาเสียงในโค้งสุดท้ายก่อนวันเลือกตั้งว่า “ ถามว่าในการเลือกตั้งในครั้งนี้ตนมีความมั่นใจไหม ตอบได้ว่าความมั่นใจอยู่ที่การทำงานที่ทำให้กับประชาชนมาอย่างมากมายในช่วงระยะที่ดำรงตำแหน่ง แต่ก็ไม่ได้ประมาทยังคงเดินหน้าชูนโยบายให้กับประชาชน โดยเน้นการส่งเสริมรายได้ การช่วยกลุ่มเกษตรกร เพื่อให้สามารถขายผลผลิตได้มากขึ้น ซึ่งเราต้องเพิ่มมูลค่าทำให้สินค้าเรามีความแตกต่าง เนื่องจากต้นทุนเราสูงจึงนำไปสู่สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ การช่วยหารายได้จากการท่องเที่ยว มุ่งทำให้ประชาชนมีสุขภาพดีเพื่อลดการแออัดที่โรงพยาบาล รวมถึงการพัฒนาเส้นทางคมนาคม โดยเฉพาะเส้นทางถนนสายหลักที่อยู่ในอำนาจของ อบจ.แม่ฮ่องสอน ที่ผ่านมาไม่มีเส้นทางใดเลยที่ยังไม่ได้ลงมือทำ นอกจากนี้ยังมุ่งพัฒนาเส้นทางอื่นที่เชื่อมระหว่างตำบล อำเภอ และจังหวัด ส่วนถนนในหมู่บ้านต้องยอมรับว่าไม่อยู่ในอำนาจของ อบจ. จะทำได้ ต้องเป็นหน่วยงานอื่นที่เขารับผิดชอบโดยตรง
นายอัครเดช วันไชยธนวงศ์ ผู้สมัครนายก อบจ.แม่ฮ่องสอนหมายเลข 1 กล่าวต่อไปอีกว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่มีอะไรที่น่าหนักใจ เท่ากับหลังการเลือกตั้งต้องไปทำความเข้าใจกับประชาชนว่าอันใหนเป็นนโยบายที่ทาง อบจ. มีอำนาจทำได้ และสิ่งใดไม่อยู่ในอำนาจ อบจ. ที่จะทำได้ เพราะในการหาเสียงต่างก็จะชูนโยบายทำอย่างงั้นอย่างงี้ได้หมด ก็จะกลายเป็นให้ความหวังกับประชาชน แต่พอเอาเข้าจริงองค์กรไม่สามารถมีอำนาจทำได้ ก็ดูเหมือนไปหลอกหลวงประชาชน ที่ผ่านมาในการบริหารตนพยายามกระจายงบประมาณไปในทุกด้าน ไม่ได้กระจุกอยู่ด้านใดด้านหนึ่ง ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องรับเหมาก่อสร้างเพียงอย่างเดียว ต้องกระจายไปเรื่องสร้างรายได้ของประชาชน ความเข้มแข็งของชุมชน การพัฒนาด้านการท่องเที่ยว การส่งเสริมด้านสุขภาพ เรื่องสาธารณสุขสุข สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้หน้าที่ อบจ.จะต้องเข้าไปรับผิดชอบ
นายอัครเดช วันไชยธนวงศ์ ผู้สมัครนายก อบจ.แม่ฮ่องสอน หมายเลข 1 กล่าวต่อไปอีกว่า ตนเองลงสมัครไม่สังกัดพรรคเลือกตั้งมานานแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 เพราะตนเองตระหนักดีว่าการเป็นผู้บริหารท้องถิ่นเราจะต้องอิสระ ทุกอย่างจะเกิดขึ้นในจังหวัดของเรา ทุกอย่างจะต้องถูกกำหนดภายใต้ความต้องการของคนในพื้นที่เท่านั้น ไม่ใช่ให้พรรคการเมืองมาครอบงำและกำหนดแนวทางการทำงานให้เรา ดังนั้นความคิดของตนมองว่าการเป็นผู้นำบริหารท้องถิ่นไม่สมควรที่จะสังกัดพรรคการเมืองใด ๆ ทั้งสิ้น.
———————————–
ทศพล / แม่ฮ่องสอน
Share this content: