ประจวบฯวัยรุ่นโจ๋ชาวพม่านับ10เหิมเกริมตั้งแก๊งตบหมวกกันน็อคไล่ควบอริไทยพื้นที่อ.บางสะพาน

 

 

วงจรปิดจับภาพเหตุการณ์ขณะแก๊งวัยรุ่นโจ๋ชาวเมียนมานับ 10 คน ใช้จักยานยนต์ไล่ควบอริชาวไทย ขณะพยายามวิ่งหลบหนีเข้าไปในบ้าน ก่อนใช้ระเบิดปิงปองขนาดใหญ่ขว้างใส่ ทำให้แรงระเบิดกระเด็นไปโดนหลังคาบ้านสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณบ้านเลขที่ 343 ม.12 ต.ชัยเกษม อ.บางสะพาน จ.ประจวบฯ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 ก.ย.67 ที่ผ่านมา


 

 

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมชุดพิสูจน์หลักฐาน สภ.ธงชัย อ.บางสะพาน ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุหลังได้รับรายงาน โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจนำกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้บริเวณหน้าบ้านผู้เสียหายไปตรวจสอบ จึงทราบว่ามีรถจักยานยนต์จำนวน 5 คัน โดยมีกลุ่มวัยรุ่นจำนวนหลายคนนั่งซ้อนท้ายอยู่บริเวณด้านหลังคนขับ ขณะวิ่งผ่านหน้าบ้านที่เกิดเหตุ โดยจะเห็นว่ามีจักยานยนต์คันสุดท้ายขว้างวัตถุบางอย่างเข้ามาบริเวณหน้าบ้านจนเกิดการระเบิดขึ้น เป็นเหตุให้แรงระเบิดกระเด็นกระจัดกระจายสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างบริเวณด้านหน้าบ้าน หลังตรวจสอบจึงนำไปสู่กระบวนการจับกุมผู้ก่อเหตุรวม 11 ราย โดยทั้งหมดเป็นวัยรุ่นชาวเมียนมาที่มาอาศัยอยู่กับญาติในฝั่งไทยบริเวณพื้นที่รอยต่อระหว่างหมู่บ้านห้วยตะเคียน โดยมีนายจ้างในพื้นที่บางรายให้การดูแล เนื้องจากมารับจ้างทำงานอยู่ในประเทศไทยหลายปี

ต่อมาวันที่ 10 ต.ค.67 หลังทราบเรื่องผู้สื่อข่าวลงพื้นที่หมู่ 12 บ้านห้วยตะเคียน ต.ชัยเกษม อ.บางสะพาน จ.ประจวบฯ พบว่าที่เกิดเหตุเปิดเป็นร้านขายของชำห่างจากถนนยางมะตอยในหมู่บ้านประมาณ 3-4เมตร จากการสอบถามนางสาวเนย เจียมดี อายุ 54 ปี ชาวบ้านหมู่ 12 บ้านห้วยตะเคียน เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุดังกล่าวเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า วันเกิดเหตุตนและสามีเดินทางข้ามไปเลี้ยงวัวอยู่ชายคลองหลังบ้าน เหลือแต่ลูกสาวกับหลานและเด็กเล็กอยู่กันตามลำพัง ช่วงเวลาประมาณหกโมงเศษ ได้ยินเหมือนเสียงระเบิดดังอยู่ไกล้บ้านตน จึงถามสามีว่าเสียระเบิดดังที่ไหนไกล้บ้านมาก จากนั้นจึงสั่งให้สามีเดินกลับอีกทางส่วนตนเดินข้ามคลองกลับมาดูที่บ้าน เมื่อมาถึงจึงสอบถามหลาน บอกว่าไม่รู้ว่าใครมาขว้างระเบิดใส่หน้าบ้านจนเกิดกลุ่มควันเต็มไปหมด จากนั้นนางสาวเนยพาผู้สื่อข่าวเดินไปชี้จุดที่เกิดการระเบิด โดยแรงระเบิดทำให้หลังคากระเบื้องแตกร้าวหลายจุด บางจุดยังเห็นร่องรอยเป็นรูจากแรงระเบิด ส่วนจุดอื่นหลังเกิดเหตุได้ให้ช่างเข้ามาซ่อมแซมเปลี่ยนใหม่เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งวันเกิดเหตุมีลูกสาวและเด็กเล็กพร้อมหลาน อาศัยอยู่โชคดีที่ทั้งหมดปลอดภัยไม่เป็นอะไร จากนั้นตนจึงให้ผู้ใหญ่บ้านพาตนไปแจ้งความไว้ที่ สภ.ธงชัย

นายเฉลิมศักดิ์ เปลี่ยนลี้ อายุ 22 ปี เป็นผู้ถูกแก๊งวัยรุ่นโจ๋ชาวเมียนมาไล่ควบหวังทำร้าย เล่าวินาทีเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุที่ผ่านมาให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ระหว่างนั้นตนเพิ่งเลิกกลับจากทำงานเดินทางมาที่อู่ซ่อมรถของพวกซึ่งอยู่ไกล้กับร้านขายของชำจุดเกิดเหตุ เมื่อมาถึงน้องที่อู่ถามว่า “วิ่งผ่านมาไม่กลัวโดนพม่าเตะเหลอ”เนื่องจากพม่ากลุ่มนี้เคยตบเอาหมวกกันน็อคของน้อง ๆไป จึงบอกให้รอก่อนที่ตนจะขับจยย.ย้อนกลับไปที่ศาลาชุมชนหมู่บ้านอีกครั้ง ก็เห็นกลุ่มพม่าโจ๋ดังกล่าวรวมตัวกัน จากนั้นเมื่อกลุ่มพม่าโจ๋เห็นตนจึงพยายามเดินเข้าหา ตนเห็นท่าไม่ดีจึงเลี้ยวหัวรถจักยายยนต์กลับ เนื่องจากพม่ากลุ่มดังกล่าวมีทั้งอาวุธปืนและมีด ตนจึงวิ่งกลับมาที่อู่เดิม ขณะที่กลุ่มพม่าโจ๋ควบจักยานยนต์ตามมาก่อนจะขว้างระเบิดใส แต่อาจจะขับด้วยความเร็วจึงผิดเป้าลูกระเบิดปิงปองประดิษฐ์ขนาดใหญ่ เลยไปบริเวณหน้าร้านขายของชำซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 3-4 เมตร จึงทำให้ตนรอดจากเหตุการณ์ดังกล่าว

ด้านนางสาวสิริกร ไทยเทศ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 12 บ้านห้วยตะเคียน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเล่าว่า หลังเกิดเหตุตนเป็นห่วงความไม่ปลอดภัยลูกบ้าน จึงดำเนินการเข้าตรวจสอบเพื่อรวบรวมเอกสารบัตรแรงงานชาวเมียนมาที่นายจ้างมีอยู่ ว่าเข้ามาทำงานถูกต้องหรือไม่ บางรายก็มี ส่วนบางรายก็หนีข้ามฝั่งกลับไปหลังทราบว่าจะเข้าตรวจเนื่องจากไม่มีบัตร จากการบอกเล่าของชาวบ้านให้ตนฟังทราบว่า กลุ่มวัยรุ่นชาวเมียนมากลุ่มนี้ เคยทำการก่อเหตุในหมู่บ้านข้างเคียงมาสองครั้ง มีพฤติกรรมไปตบเอาหมวกกันน็อคของน้องเยาวชนที่ไว้ใส่กลับจากโรงเรียนบางราย บางวันก็รวมตัวในยามค่ำคืนใช้มีดยาวรากไปตามพื้นผิวถนนจนเกิดประกายไฟส่งเสียงลบกวนชาวบ้าน จนทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้านบางรายไม่กล้าออกไปกรีดยาเพราะกลัวความไม่ปลอดภัย ผู้ใหญ่บ้านเล่าต่อและว่า หลังเกิดเหตุตนและผู้ช่วยระหว่างเดินตรวจพื้นที่บนศาลาเอนกประสงค์หมู่บ้านพบระเบิดปิงปองจำนวนหนึ่งในสภาพถูกแกะเอาดินปืนออกไปประกอบเป็นชิ้นใหญ่ถูกทิ้งไว้ในถังขยะบริเวณหน้าศาลาเอนกประสงค์ คาดว่ากลุ่มวัยรุ่นโจ๋ชาวพม่าน่าจะนำมาทิ้งไว้

ทั้งนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทำให้ชาวบ้านในชุมชนบ้านห้วยตะเคียน หวั่นความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เนื่องจากวัยรุ่นโจ๋ชาวเมียนมากลุ่มดังกล่าว มีพฤติการณ์ชอบมารวมตัวกันเป็นกลุ่มที่บริเวณศาลาชุมชนหมู่บ้านห้วยตะเคียน ม.12 โดยชาวบ้านเล่าว่าเดิมเป็นพื้นที่ใช้จัดประชุมหมู่บ้าน และยังเป็นศูนย์รวมทางการกีฬายามเย็นในชุมชน เนื่องจากมีพื้นที่ใช้เล่นกีฬาฟุตบอลและวิ่งออกกำลังกายของเยาชนในหมู่บ้าน แต่หลังจากกลุ่มวัยรุ่นโจ๋ชาวเมียนมาใช้เป็นจุดรวมตัว ก็ไม่ค่อยมีเด็กในหมู่บ้านมาออกกำลังกายกันมากเหมือนแต่ก่อน โดยวัยรุ่นโจ๋กลุ่มนี้จะใช้รถจักยานยนต์เป็นยานพาหนะ สวมหมวกกันน็อคอำพรางใบหน้าพาพวกตะเวรไปตามท้องถนนในหมู่บ้าน หากเจอวัยรุ่นชาวไทยมักจะชอบเข้าไปหาเรื่องโดยการข่มขู่ยึดหมวกกันน็อกบ้าง บางรายมีอาวุธปืนติดกาย บ้างก็ใช้มีดยาวรากไปตามท้องถนนในยามค่ำคืนส่งเสียงดังรบกวนชาวบ้านในพื้นที่อยู่บ่อยครั้ง จนชาวบ้านบางพื้นที่ไม่กล้าออกไปกรีดยาง

ขณะที่ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเข้าไปส่องพฤตกรรมของกลุ่มผู้ก่อเหตุในเฟสยังพบว่า มีการโพสข้อความท้าทายอำนาจรัฐ โดยการโพสข้อความผ่านเฟสใช้ชื่อ”นาย’คนใจร้าย’ขึ้นข้อความว่า”ไหนล่ะคนไล่จับกูอ่ะไม่เห็นสักคนเลย มาจับหน่อยไอ้ตำรวจตึงๆอะ” และอีกหลายๆคลิปที่ลงพฤติกรรมทำตัวเป็นอันตพานคลองถนนบอกถึงความไม่เกรงกลัวกฎหมายของประเทศ จนชาวบ้านและผู้นำชุมชนในพื้นที่ยากให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการร่วมแก้ไขปัญหา โดยจัดเวรยามตรวจตราให้บ่อยครั้ง เนื่องจากบางพื้นที่ห่างไกลชุมชน เวลาเกิดเหตุ กลุ่มผู้ก่อเหตุชาวเมียนมาบางรายมักใช้เส้นทางธรรมชาติหลบหนีข้ามฝั่งกลับไปก่อนเจ้าหน้าที่จะมาถึง เนื่องจากเป็นพื้นที่มีช่องทางธรรมชาติเข้าออกเป็นจำนวนมาก

 

พิสิษฐ์รื่นเกษมข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์โทร 064-364-1644 รายงาน

ติดตามข่าวได้ที่เว็บไซต์
#คมชัด AEC TV ออนไลน์
#ข่าวนคร AEC TV ออนไลน์