บุรีรัมย์ มท 2 หิ้วอธิบดีที่ดินเปิดชี้แจงที่ดินพิพาท ท้าการรถไฟเอาหลักฐานมายัน

อำเภอเมือง//รมช.มหาดไทย พร้อมอธิบดีกรมที่ดินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางมาเปิดเวทีสัมมนาฯเรื่องข้อพิพาทที่ดินระหว่างชาวบ้านกับการรถไฟ ชี้เป็นที่ดินของชาวบ้านถูกต้องตามกฎหมาย ท้าการรถไฟเอาหลักฐานมายันกัน เห็นใจชาวบ้านกว่า 4,000 ครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ

วันที่ 20 ธ.ค. 67 ที่กองร้อยอาสารักษาดินแดน จ.บุรีรัมย์ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน นายเจนกิจ เชฏฐวาณิชย์ รองอธิบดีกรมที่ดิน และเจ้าหน้าที่จากกระทรวงมหาดไทย พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ได้เดินทางมาเปิดเวทีสัมมนาเชิงปฏิบัติการกรณีที่ดินรถไฟ หรือที่มีการเรียกกันในภายหลังมีข้อพิพาทกันว่า”ที่ดินเขากระโดง” มีชาวบ้านกว่า 200 คน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ต.อีสาณ และ ต.เสม็ด ซึ่งได้รับผลกระทบหลังจากศาลฏีกามีมติให้กรมที่ดินเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ทั้งหมด 5,083 ไร่ ต่างถือเอกสารสิทธิ์ที่ดินของตัวเองมายืนยันต่อรัฐมนตรีฯว่าเป็นที่ดินที่อยู่มาก่อนการรถไฟจะสร้างทางเข้ามา หลังมีการสัมมนาฯรัฐมนตรีฯและคณะได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบจุดสิ้นสุดของทางการรถไฟที่กิโลเมตร 6.2 มีชาวบ้านมารอพบรัฐมนตรีหลายจุด

นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวว่า ตามประมวลกฎหมายที่ดินที่จะมีการยกเลิกหรือเพิกถอน จริงแล้วจะต้องมีหลักฐานปรากฏชัดเจนมากกว่านี้ และให้ประชาชนหรือเจ้าหน้าที่ได้รับรู้ด้วย

ด้านนายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.กระทรวงมหาดไทย กล่าวย้ำว่า ในช่วงที่ผ่านมาจะมีข่าวออกมาว่าประชาชนหรือนักการเมืองไปรุกล้ำที่ของการรถไฟ จึงจำเป็นต้องเดินทางมาตรวจสอบด้วยตนเอง

เท่าที่ทราบที่ดินจำนวน 5,083 ไร่ มีหน่วยงานราชการตั้งอยู่ในพื้นที่นี้ถึง 9 หน่วยงาน ประกอบด้วยกองร้อยอาสารักษาดินแดง ,วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี ,เรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์ ,สถานีตำรวจทางหลวง ,โรงเรียนภัทรบพิตร ,หมวดการทางบุรีรัมย์ ,สำนักงานขนส่งจังหวัดและสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดบุรีรัมย์ ที่ดินจำนวนนี้มีประชาชนจำนวน 4,712 ครัวเรือน ที่ได้รับผลกระทบไปด้วย

จากที่ไปพบปะประชาชนแล้ว ชาวบ้านยืนยันว่าตอนที่ออกเอกสารสิทธิ์ การรถไฟได้มีเอกสารยืนยันว่า ไม่ใช่ที่ดินการรถไฟเป็นที่ดินที่ประชาชนสามารถอยู่ได้จากข้อมูลจากผู้ใหญ่บ้านพบว่าชาวบ้านมาอยู่อาศัยตั้งแต่ปี 2460 ซึ่งก่อนที่จะมีการออกกฤฎีกา สำรวจแนวเขตการรถไฟ

นายทรงศักดิ์ กล่าวด้วยว่ากรณีนี้จะมีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่นั้น ตนได้แค่สังเกตทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหวทางการเมือง ก็มักจะถูกนำเรื่องนี้หยิบยกขึ้นมาเกี่ยวข้องด้วย จะบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกับเมืองก็คงไม่ได้

นายทรงศักดิ์ กล่าวอีกว่าส่วนตัวมองว่าการรถไฟทำแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องน่ารังเกียจ เพราะส่งผลกระทบต่อประชาชน ซึ่งไม่ใช่รายเดียว ดังนั้นการรถไฟต้องนำเอกสารมาพิสูจน์ที่มาของการได้มาของที่ดินผืนนี้ เท่าที่ศึกษามาการรถไฟจะได้ที่ดินของการรถไฟมาจะต้องออกกฤฎีกา สำรวจ ออกกิจการจัดซื้อจัดหา ต้องมีแผนที่ ต้องมีการจ่ายค่าทำขวัญ และต้องนำแผนที่ไปลงราชกิจจานุเบกษาเป็นกฎหมาย

กรณีที่การรถไฟอ้างสิทธิ์ในที่ดินแปลงนี้การรถไฟต้องอ้างหลักฐานออกมาชัดเจนเพราะกระทบกับประชาชน กรณีที่พรรคประชาชนออกมาพูดดูแล้วหลังฐานที่นำมานำเสนอเป็นหลักฐานที่ไม่ค่อยตรงกัน /////////////

ธีรยุทธ์ ชำนาญกอง
ผู้สื่อข่าวจังหวัดบุรีรัมย์รายงาน

You missed