รัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ ลงพื้นที่สัตหีบ รับฟังปัญหาชาวประมง แก้ไขแรงงาน-ขยายเวลาหนังสือคนประจำเรือ

นายอิทธิ ศิริลัทธิยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายสะถิระ เผือดประพันธุ์ สมาชิกสภาผูิแทนราษฎร จังหวัดชลบุรี เขต 10, นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี, นายอำนาจ เจริญศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี,นายธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจราชการในอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ณ ศาลาการเปรียญ วัดช่องแสมสาร เพื่อรับฟังปัญหาของชาวประมง พร้อมทั้งมอบถุงยังชีพและเอกสารคู่มือชาวประมงแก่ผู้ประกอบอาชีพประมงในพื้นที่

จังหวัดชลบุรีเป็นจังหวัดชายทะเลที่มีศักยภาพด้านการประมง มีชายฝั่งยาว 160 กิโลเมตร และเป็นจุดขนถ่ายสัตว์น้ำสำคัญของภาคตะวันออก ในปี 2566 มีเรือประมงพื้นบ้าน 2,948 ลำ และเรือประมงพาณิชย์ 321 ลำ โดยมีปริมาณสัตว์น้ำจากเรือประมงพาณิชย์ 67,945 ตัน มูลค่า 51 ล้านบาท และจากประมงพื้นบ้าน 11,651 ตัน มูลค่า 74 ล้านบาท 

สัตว์น้ำเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ ปูม้า กุ้งกุลาดำ กุ้งแชบ๊วย หมึกหอม หมึกกล้วย ปลาอินทรี และปลาทรายแดง อย่างไรก็ตาม ชาวประมงยังคงประสบปัญหา เช่น ขาดแคลนแรงงานในเรือประมงพาณิชย์ แรงงานต่างด้าวลักลอบทำประมงในเรือขนาดเล็ก ความขัดแย้งเรื่องเครื่องมือทำประมง

รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือชาวประมง

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบหมายให้ กรมประมง ออกมาตรการช่วยเหลือ เช่น ขยายระยะเวลาขอหนังสือคนประจำเรือ จาก 6 เดือน เป็น 1 ปี แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน เพิ่มวันทำการประมงให้ผู้ถือใบอนุญาตประมงพาณิชย์ เป็นของขวัญปีใหม่ 2568 ผลักดันโครงการนำเรือออกนอกระบบ โดยส่งเรื่องให้สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง และสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณา รับฟังปัญหาและร่วมพัฒนาการประมงอย่างยั่งยืน

ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ ได้เปิดเวทีรับฟังข้อเสนอจากชาวประมง เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด และยืนยันว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์พร้อมประสานงานกับกรมประมงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนการทำประมงอย่างเหมาะสมและยั่งยืน

การลงพื้นที่ครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมประมงไทยให้เข้มแข็ง พร้อมสนับสนุนให้ชาวประมงสามารถประกอบอาชีพได้อย่างมั่นคงและเป็นธรรมต่อไป

วิศาล แสงเจริญ

ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดชลบุรี