อยุธยา  –  คณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา ลงพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ติดตามปัญหาการจัดการอุตสาหกรรมและขยะสารเคมี รวมถึงติดตามผลกระทบที่เกิดกับประชาชนในพื้นที่ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา 

อยุธยา  –  คณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา ลงพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ติดตามปัญหาการจัดการอุตสาหกรรมและขยะสารเคมี รวมถึงติดตามผลกระทบที่เกิดกับประชาชนในพื้นที่ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา 

   วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุมบึงพระราม ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยาคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา นำโดย นายเอกชัย เรืองรัตน์ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง นางรจนา เพิ่มพูน รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สาม นางสาวตวงคุณ ทรงธรรมวัฒน์ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สี่ พร้อมคณะ ลงพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ติดตามปัญหาการจัดการอุตสาหกรรมและขยะสารเคมี รวมถึงติดตามผลกระทบที่เกิดกับประชาชนในพื้นที่ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีนายธีระ แก้วพิมล อุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมนำเสนอผลการดำเนินการจัดการขยะสารเคมี  

   นายเอกชัย เรืองรัตน์ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่อเป็นการติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานกำจัดสารเคมีที่อยุธยาในบริษัทเอกอุทัย สาขาสามบัณฑิต อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ยังไม่คืบหน้าที่เท่าที่ควร รวมถึงตามสภาพความเป็นอยู่รวมถึงผลกระทบกับพี่น้องประชาชนที่อยู่พื้นที่โดยรอบ เพื่อนำข้อมูลไปนำเสนอกับทางรัฐบาลให้เร่งแก้ปัญหาดังกล่าวให้เร็วที่สุด  

   โดยหลังจากตำรวจสอบสวนกลางพร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมนำหมายศาลเข้าคันบริษัทเอกอุทัย สาขาสามบัณฑิต อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และยึดเอกสารจำนวนมากพร้อมกับมีการขุดเจาะบริเวณที่มีข้อมูลว่าเป็นบ่อฝังกลบกากน้ำกรด โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้นำรถแบคโฮเข้าเจาะและตักสำรวจบนพื้นดินที่มีข้อมูลว่าถูกลักลอบฝังกลบกากสารเคมีที่เป็นน้ำกรด และเจ้าหน้าที่ได้ขุดเจาะสำรวจในจุดอื่นใกล้เคียงกันพบสารเคมีทั้งที่มีสภาพเป็นของเหลวที่จับตัวเป็นก้อนเหนียว และที่มีสภาพเป็นฟองเพราะการเกิดปฏิกิริยาของสารเคมี การขุดเบื้องต้นพบดินปนเปื้อนมีกลิ่นสารเคมีและพบการรั่วไหลและซึมไปถึงพื้นที่การเกษตรของชาวบ้าน โดยที่บริษัทเอกอุทัย ต.สามบัณฑิต นี้ มีบริษัท TARF เป็นผู้รับจ้างด้วยงบประมาณ 4 ล้านบาท เงื่อนไข คือนำกากสารเคมีจำพวกกรด ที่กระจายบนพื้นและโกดัง หลังที่ 3 น้ำหนักรวมไม่น้อยกว่า 400 ตัน ไปกำจัดด้วยการปรับเสถียรไม่ให้มีค่าเป็นกรด แล้วนำไปฝังกลบอย่างถูกต้อง ซึ่งบริษัทผู้รับจ้างระบุว่างานทั้งหมดคืบหน้าไปร้อยละ 30

เดชา  อุ่นขาว  รายงานจากอยุธยา