กาญจนบุรีไล่ล่าระทึก! … เรือขนแรงงานเถื่อนแสบ ดับเครื่องยนต์ล่องห้วยซองกาเรีย ทหาร ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ ตาไว ขับเรือไล่ล่า สุดท้ายไม่รอด






วันที่ 6 มี.ค.68 พลตรี อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 ในฐานะ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรสีห์ บูรณาการร่วมกับ นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากชุดปฏิบัติการข่าวในพื้นที่ ว่าจะมีการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาเข้ามายังพื้นที่ตอนใน ผ่านห้วยซองกาเรีย จึงได้สั่งการให้ พันเอก พรรณศักย์ เพรียวพานิช ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 29 ในฐานะ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ พร้อมด้วย พันเอก ปิยะเณศร์ ภัทรศาศวัตวงษ์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ นำกำลังพลบูรณาการกำลังร่วมกับ กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 134, กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 136, ตม.จว.กาญจนบุรี, สภ.ไทรโยค, สภ.สังขละบุรี, ฝ่ายปกครอง อำเภอไทรโยค และฝ่ายปกครอง อำเภอสังขละบุรี ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดในพื้นที่ชายแดนกาญจนบุรีทั้งทางบกและทางน้ำอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันและสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายไม่ให้เข้าไปยังพื้นที่ตอนในได้
กระทั่งเวลา 04.00 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ดักซุ่มอยู่ สังเกตพบลักษณะคล้ายเรือหางยาว ดับเครื่องยนต์ลอยลำเรือมาทางท่าน้ำหินสามกอง มุ่งหน้ามาทางเขื่อนวชิราลงกรณ จึงได้แสดงตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ และให้สัญญาณหยุดเรือเพื่อจะทำการตรวจสอบ แต่ทันใดนั้นคนขับเรือได้สตาร์ทเครื่องยนต์และเร่งเครื่องหลบหนีเจ้าหน้าที่ไปอย่างรวดเร็ว โดยมุ่งหน้าไปทางเกาะแก้ว แต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่งคงใช้เรือตรวจการณ์เร่งเครื่องยนต์ไล่ติดตามไปอย่างกระชั้นชิด จนกระทั่งคนขับเรือยอมจำนนให้สัญญาณว่าจะมอบตัว เจ้าหน้าที่จึงเข้าควบคุมตัวผู้กระทำความผิดทั้งหมดขึ้นไปบนฝั่ง บริเวณ เกาะกลางน้ำภายในเขื่อนวชิราลงกรณ บ้านจงอั่ว หมู่ 4 ตำบลปรังเผล อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จากการตรวจสอบ พบ นาย วิน อายุ 49 ปี ชาว ตำบลปรังเผล อำเภอสังขละบุรี เป็นผู้ขับขี่เรือหางยาวลำดังกล่าวหลบหนีเจ้าหน้าที่ โดยขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายมาเต็มเรือ จำนวน 13 คน เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจสอบเอกสารประจำตัวที่ทางราชการออกให้ แต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวไม่สามารถแสดงเอกสารต่อเจ้าหน้าที่ได้ อีกทั้งยังไม่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการควบคุมตัวกลุ่มผู้กระทำความผิดไว้ทั้งหมด และยึดของกลาง (เรือหางยาว) ส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรสังขละบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและขยายผลต่อไป
นายวินฯ ให้การรับสารภาพว่า ตนขับเรือไปรับแรงงานต่างด้าวมาจากท่าน้ำหินสามกอง บ้านซองกาเรีย หมู่ 8 ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี เพื่อนำไปส่งที่สวนทุเรียน บริเวณ ริมอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ บ้านจงอั่ว หมู่ 4 ตำบลปรังเผล อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี หลังจากนั้นจะมีบุคคลไม่ทราบชื่อนำเรือมารับ เพื่อเดินทางต่อไปยังท่าขึ้นเรือ ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี โดยระหว่างกำลังนำแรงงานดังกล่าวเดินทางไปยังจุดนัดหมาย ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้เสียก่อน
ส่วนกลุ่มแรงงานต่างด้าว เดินเท้าเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติบ้านบ่อญี่ปุ่น โดยจะหลบหนีเข้ามาทำงานที่ จังหวัดสมุทรสาคร และกรุงเทพมหานคร ซึ่งจะเสียค่าจ้างให้กับนายหน้า จำนวน 15,000 บาท เมื่อถึงปลายทาง
วันเดียวกันนี้ ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ ร่วมกันจับกุมแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายชาวเมียนมา จำนวน 32 คน ขณะกำลังเดินเท้าเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติ บ้านท้ายเหมือง เพื่อมาขึ้นรถยนต์ยังจุดหมาย บริเวณชายป่าใกล้กับฐานปฏิบัติการช่องทางห้วยโมง บ้านท้ายเหมือง ตำบลบ้องตี้ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี และจะมีขบวนการลักลอบนำแรงงานกลุ่มนี้เข้าไปทำงานใน อำเภอมหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งจะเสียค่าจ้างให้กับนายหน้า จำนวน 20,000 บาท เมื่อถึงปลายทาง แต่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้เสียก่อน จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการควบคุมตัวกลุ่มบุคคลดังกล่าวไว้ และแจ้งข้อกล่าวหา ” เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามา และอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรไทรโยค เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและขยายผลต่อไป
ทั้งนี้ เนื่องจากผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายส่วนใหญ่ ต้องการหลีกเลี่ยงการถูกบังคับเกณฑ์เป็นทหารหลังจากรัฐบาลเมียนมาประกาศบังคับใช้กฎหมายเกณฑ์ทหาร ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศที่ฝืดเคือง จึงมีความพยายามลักลอบหลบหนีข้ามแดนเข้ามาทำงานในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ ได้บูรณาการกำลังร่วมกับฝ่ายความมั่นคง และหน่วยงานราชการ ร่วมกันตรึงกำลังเจ้าหน้าที่ตลอดแนวชายแดนกาญจนบุรี รวมทั้งได้ทำการลาดตระเวนเฝ้าตรวจแนวชายแดนตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันและป้องปรามการลักลอบกระทำผิดกฎหมายตามแนวชายแดนทุกรูปแบบ ตามนโยบายของรัฐบาลและกองทัพบก เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม
เกษร เสมจันทร์กาญจนบุรี
Share this content: