

หนีเสือปะจระเข้”เด็ก 16 เล่าทั้งน้ำตาน้าสาวขู่กรรโชกทรัพย์อาสาว 2 แสนบาทหวังแก้แค้นแทนหลาน
กรณีเด็กสาว 16 ปี ถูกอาสาวตบตีหลังจับได้ว่ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผัวตัวเอง ก่อนจะมีการเข้าแจ้งความเอาผิดต่ออาสาว และสามี จากนั้นประสานให้หน่วยงานของสหวิชาชีพ และ พมจ.ประจวบฯ เข้าทำการสอบสวนเด็กร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนนำไปสู่การดำเนินคดี ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องตามคำให้การจากเด็ก ต่อมามีการพิจารณาส่งตัวเด็กให้กลับไปอยู่ในความดูแลของญาติฝ่ายแม่ที่ จ.นครปฐม โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 ก.พ.68 ที่ผ่านมานั้น
28 มี.ค. 68 ล่าสุด ย่าของเด็กสาว 16 ปี พาเด็กไปทำบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองประจวบฯ เพราะเกรงจะถูกกล่าวหาลักพาตัวเด็ก หลังจากเด็กเพิ่งหนีออกจากบ้านของยายที่ จ.นครปฐม กลับมาหาย่าที่ จ.ประจวบฯ เนื่องจากเด็กยังอยู่ในความดูแลของญาติที่ จ.นครปฐม ก่อนจะพากลับไปพักผ่อน ขณะรอผู้เป็นบิดาลงมาจาก จ.ภูเก็ต เนื่องจากเด็กมีความประสงค์อยากให้พาไปหาเจ้าหน้าที่ พมจ.ประจวบฯ ให้บิดาขอรับตัวลูกสาวกลับ เนื่องจากเด็กมีความประสงค์จะอยู่ในความดูแลของผู้เป็นพ่อ
หลังผู้สื่อข่าวทราบเรื่องจึงเดินทางไปที่บ้านพักย่าของเด็ก 16 ปี เพื่อสอบถามความเป็นอยู่ที่ผ่านมา โดยมีผู้เป็นย่าแท้ๆของเด็ก เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ก่อนหน้าหลานมักจะโทรมาพูดคุยกับตนบ่อยครั้ง ตนก็สอบถามถึงความเป็นอยู่ และสารทุกข์สุขดิบตามประสา โดยหลานก็บ่นอยากกลับมาอยู่กับย่า บ้างก็โทรไปหาพ่อของเขาขอให้มารับกลับประจวบฯบ้าง แต่ไม่คิดว่าหลานจะแอบหนีกลับมา เมื่อมาแล้วจะให้ตนผลักไสไล่ส่งก็ไม่ใช่ อย่างไรก็หลานในใส้ เมื่อเขาไม่มีที่ไป แล้วจะให้เขาไปอยู่ที่ไหน ตอนนี้ต้องรอให้พ่อเขากลับมารับเป็นผู้ปกครองตามสิทธิ์ หากเขาจะอยู่กับใครก็ไม่ขัด “ย่ากล่าว”
ผู้สื่อข่าวสอบถามพูดคุยกับเด็ก 16 ปี ขณะอยู่กับผู้เป็นย่า และญาติๆภายในบ้านพัก สอบถามถึงเรื่องราวความเป็นอยู่ และสาเหตุที่ต้องหนีกลับ ทราบชื่อเล่น “น้องอุ้ม”เล่าว่า หนูนั่งรถตู้มาโดยที่ทางบ้านไม่ทราบ เนื่องจากที่ผ่านมาคิดว่าหนูเหมือนเป็นภาระเขา และเขาก็มีลูกผู้ชาย ให้เขาต้องคอยระแวงเกรงว่าจะมายุ่งกลับหนู เพราะหนูก็มีประวัติไม่ดีอยู่แล้ว ซึ่งในตอนนั้นยอมรับว่าเต็มใจที่จะไปอยู่กับน้าสาวฝ่ายแม่ทางโน้น เพราะกลัวอาสาวตีอีก และคิดว่าที่นี่ไม่มีใครเอาหนูแล้ว ผู้สื่อข่าวเล่าต่อและว่า ขณะพูดคุยกับเด็กทั้งน้ำตาคลอเบ้าด้วยอาการหวาดกลัวจะถูกเจ้าหน้าที่ พมจ.จับตัวกลับไป และยืนยันว่าหนูจะอยู่กลับย่าที่ประจวบฯ โดยน้องอุ้มเล่าต่อไปว่า น้าสาวบอกว่าจะให้อาสาวที่ทำกับหนูชดใช้กับสิ่งที่กระทำ โดยขู่จะดำเนินคดีกับอาสาวให้ถึงที่สุด หากไม่จ่ายอ้างเป็นค่ายุติคดีเป็นจำนวนเงิน 200,000 บาท ยิ่งทำให้หนูไม่รู้จะเอาไงดี ทางน้าสาวก็หวังดี ส่วนทางอาสาวยอมรับว่าหนูก็ยังรักเขาอยู่ เนื่องจากเป็นคนเลี้ยงหนูมาตอนหนูไม่มีไคร อึดอัดใจมากแต่ก็ยืนยันว่าจะอยู่กลับย่าที่ประจวบฯ และหากพ่อจะรับหนูไปอยู่หนูก็จะไป
จากเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ จึงตั้งข้อสงสัยว่า หากเด็กร้องขอที่จะไปอยูในความดูแลให้ใครเป็นผู้ปกครอง พมจ.พื้นที่ ควรมีกระบวนการและขั้นต้อนการตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่ผู้นั้นให้แน่ใจเสียก่อนว่าเด็กไปอยู่ได้จริงหรือไม่ ผู้ปกครองใหม่จะดูแลเด็กได้จริงหรือไม่ และควรติดตามสอบถามความเป็นอยู่กับเด็กเป็นระยะ ว่าเด็กอยู่กันแบบไหนพอใจหรือไม่ โดยไม่ควรปล่อยให้เด็กโดดเดี่ยว ควรมีการติดตามความคืบหน้า และไม่ควรให้ญาติบางคน แสวงหาประโยชน์กับเด็ก นำมาเป็นข้อต่อรอง ขู่กรรโชกทรัพย์คู่กรณีที่มีผลในคดีนั้น ซึ่งปัญหาแบบนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นกับใครก็ได้ที่อยู่ในความดูแลของสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในจังหวัดฯนั้น ๆ อีก/////////////////////
พิสิษฐ์รื่นเกษม ข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์โทร 064-364-1644
Share this content: