








เจ้าคณะจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พิธีบรรพชาสามเณรและถวายเครื่องไทยทาน เนื่องในงานประเพณีปอยส่างลอง ประจำปี 2568 วัดหัวเวียง
วันที่ 3 เมษายน 2568 ณ วัดหัวเวียง ตำบลจองคำ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน พระสุมณฑ์ศาสนกิตติ์ ดร. เจ้าคณะจังหวัดแม่ฮ่องสอน เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยกองมู เป็นประธานฝ่ายสงฆ์พิธีบรรพชาสามเณรและถวายเครื่องไทยทาน เนื่องในงานประเพณีปอยส่างลอง ประจำปี 2568 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ นายกเทศมนตรีเมืองแม่ฮ่องสอน และคณะเจ้าภาพส่างลอง ร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก โดยมีส่างลองเข้าร่วมพิธีบรรพชาในครั้งนี้จำนวน 14 รูป
ประเพณีปอยส่างลอง ประจำปี 2568 เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน ร่วมกับชุมชนกลางเวียง และวัดหัวเวียงสืบสานงานประเพณีปอยส่างลอง (บวชลูกแก้ว)ประจำปี 2568 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 มีนาคม – 4 เมษายน 2568
งานประเพณีปอยส่างลอง ( บวชลูกแก้ว ) คือการบรรพชาหรือการบวชเณรของชาวไทใหญ่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่สืบทอดมายาวนาน
คำว่า “ปอยส่างลอง” เป็นภาษาไทใหญ่ “ปอย” แปลว่า งาน เช่นงานปอยเหลินสิบเอ็ด ปอยจ่าตี่ “ส่าง” เพี้ยนมาจาก สางหรือขุนสาง หมายถึง พระพรหม หรืออีกความหมายหนึ่งมาจากคำว่าเจ้าส่าง ซึ่งหมายถึงสามเณร ส่วนคำว่า “ลอง” มาจาก “อลอง” หมายถึง พระโพธิสัตว์ หรือหน่อพุทธางกูร (หน่อเนื้อเชื้อไขพระพุทธเจ้า) หรือราชบุตร
ตามความเชื่อดั้งเดิมของการจัดงานปอยส่างลองนั้น จะต้องมีพิธีต่างๆ เพื่อเตรียมตัวก่อนบวชอยู่ 3-4 วันด้วยกัน ได้แก่
วันแรก เรียกว่า วันรับส่างลอง ในตอนเช้าเจ้าภาพส่างลองจะนำบรรดาเด็กชายไปวัด เพื่อแต่ชุดส่างลอง
วันที่ 2 เรียกว่า วันข่ามแขก คือ วันรับแขกนั่นเอง จะเป็นวันที่ญาติพี่น้องจากหมู่บ้านอื่นมาร่วมงานอย่างพร้อมเพรียงกัน
วันที่ 3 เรียกว่า วันแห่ครัวหลู่ เป็นวันแห่งเครื่องไทยทาน มีการแห่ส่างลองกับเครื่องไทยทานจากวัดไปตามถนนสายต่างๆ ขบวนแห่ประกอบด้วยจีเจ่ (กังสดาล) ม้าเจ้าเมืองต้นตะเป่ส่าพระพุทธ ต้นตะเป่ส่าพระสงฆ์ ปุ๊กข้าวแตก เทียนเงินเทียนทอง พุ่มเงินพุ่มทอง อู่ต่องปานต่อง หม้อน้ำต่า อัฐบริขาร ดนตรีประโคมและขบวนแห่ส่างลอง โดยให้ส่างลองขี่คอพี่เลี้ยงเรียกว่า “ตะแปส่างลอง” มีกลดทอง หรือ ” ทีคำ” แบบพม่าไว้บังแดด ช่วงเย็นวันเดียวกัน มีพิธีเรียกขวัญส่างลอง หรือพิธีทำขวัญนาค
วันที่ 4 เรียกว่า วันข่ามส่าง หรือวันหลู่ วันบรรพชาส่างลอง นำส่างลองไปบรรพชาเป็นสามเณรในวันข่ามส่าง ผู้คนจะมาชุมนุมกันที่วัดกันตั้งแต่เช้า จนได้เวลาพอสมควรก็จะมีการ ถ่อมลีก คืออ่านหนังสือธรรมะให้ทุกคนฟังอันเป็นการกล่อมเกลาจิตใจให้ตั้งมั่นอยู่ในความดีซึ่งถือเป็นประเพณีสืบทอดกันมานาน เมื่อได้เวลาฉันเพลก็จะมีการถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ที่นิมนต์มาร่วมพิธีบรรพชาสามเณรก่อนแล้วจึงเลี้ยงอาหารผู้มาร่วมงานพิธีเป็นอันเสร็จสิ้นพิธี.
Share this content: