NCES นครพนม-ผัวเมียทาสยาบ้า ทำร้ายลูกป่วยออทิสติก ยอมเข้ารับการบำบัด สหวิชาชีพร่วมประเมินสภาพจิตใจเด็ก
*****
สืบเนื่อง นางสาวอาภา รัตนพิทักษ์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม (พมจ.ฯ) พร้อมด้วย นายหัสพระชัย ภูวงค์ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวนครพนม นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ สภ.เมืองนครพนม รวมถึงตัวแทนจากเพจเป็นหนึ่ง เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชนลงพื้นที่ตรวจสอบ กรณีชาวบ้านร้องเรียนผ่านเพจเป็นหนึ่ง ซึ่งเป็นสื่อโซเชียล แจ้งเบาะแสเรื่องราว ผัวเมียคู่หนึ่งติดยาบ้า หลอนยาทำร้ายลูกชายสองคน โดยคนหนึ่งเป็นเด็กพิเศษ ในบ้านพักพื้นที่บ้านเนินสะอาด หมู่ 8 ต.นาราชควาย อ.เมืองนครพนม ทำให้ชาวบ้านสุดทนพฤติกรรมโหดไม่ไหว ที่ต้องเห็นเด็กทั้งสองถูกทารุณกรรม แต่ไม่กล้าเข้าไปช่วยเหลือ เนื่องจากถูกพ่อเลี้ยงของเด็กข่มขู่ จึงเกรงจะไม่ปลอดภัย จึงร้องเรียนผ่านสื่อโซเชียลดังกล่าว
ทราบว่าพ่อเลี้ยงชื่อนายภิรเดช (สงวนนามสกุล) หรือนายจ๊อบ อายุ 34 ปี เป็นชาวบ้านหนองญาติ หมู่ 2 ต.หนองญาติ อ.เมืองนครพนม พร้อมภรรยานางสาวพิรุณพร (สงวนนามสกุล) หรือน้ำฝน อายุ 28 ปี เป็นชาวบ้านเนินสะอาด หมู่ 8 ต.นาราชควาย อ.เมืองนครพนม ส่วนลูกชายทั้งสองคนคนโตชื่อ น้องเฟส (นามสมมติ) อายุ 10 ปี ศึกษาอยู่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง ส่วนคนที่สองชื่อน้องโฟส (นามสมมติ) อายุ 8 ปี เป็นเด็กพิเศษออทิสติก เบื้องต้นตรวจสอบร่างกายเด็กทั้งสอง มีรอยบาดแผลตามร่างกายเล็กน้อย ไม่พบรอยบาดแผลทำร้ายร่างกายรุนแรง และยังพบอุปกรณ์เสพยาบ้า รวมถึงบ้องกัญชา แต่ไม่พบหลักฐานของกลางยาเสพติด จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน
โดยทั้งนายจ๊อบและภรรยา สารภาพว่าเสพยาบ้าจริง และพร้อมจะเข้าสู่กระบวนการบำบัด เจ้าหน้าที่จึงนำตัว น.ส.น้ำฝน พร้อมลูกชายทั้งสองคน รวมถึงนางดารา (นามสมมติ) อายุ 68 ปี แม่ยายนายจ๊อบ ที่พิการทางหู ไปดูแลที่บ้านพักเด็กและครอบครัวนครพนม เพื่อดำเนินการดูแลพัฒนาสภาพจิตใจ โดยเฉพาะเด็กทั้งสองคน ได้ประสบเหตุการณ์รุนแรงจากการกระทำของพ่อเลี้ยงและแม่แท้ๆ จึงต้องมีการประเมินคุณภาพชีวิตร่วมกับสหวิชาชีพ ส่วนนายจ๊อบพ่อเลี้ยงถูกแยกตัวไปส่งบำบัดยาเสพติดที่ทางจังหวัดฯจัดสถานที่ไว้
ล่าสุด วันที่ 16 มกราคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านพักหลังดังกล่าวอีกครั้ง ทราบจากนางทิพย์ (นามสมมติ) อายุ 40 ปี มีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้ของ น.ส.น้ำฝน ว่า ห้องพักหลังนี้มีทั้งหมด 5 ห้อง เดิมสร้างเพื่อให้นักศึกษาเช่า ผู้ที่สร้างคือลูกชายคนโตของนางดารา แต่ไม่มีใครมาเช่ากัน ประกอบกับนางดาราถูกไฟแนนซ์ฟ้องชำระหนี้ กรณีไปเซ็นค้ำประกันญาติซื้อรถยนต์ แต่ไม่ส่งงวดจึงถูกบังคับคดียึดบ้าน นางดาราจึงพาลูกหลานมาอยู่ห้องพักนี้แทน ต่อมา น.ส.ฝนเลิกรากับสามีเก่า ทิ้งลูกสองคนอยู่ในความดูแลของภรรยาเพียงฝ่ายเดียว และก็ได้นายจ๊อบเป็นสามีใหม่ อยู่กินกันมาประมาณ 3 ปี ญาติๆรู้มาตลอดว่านายจ๊อบเสพยา แต่ไม่กล้าว่ากล่าวตักเตือน และอาจจะชวน น.ส.น้ำฝนเสพร่วมด้วย กลายเป็นติดยาเสพติดทั้งผัวทั้งเมีย
นางทิพย์เล่าต่อว่าตอนที่นายจ๊อบอยู่กินกับ น.ส.น้ำฝนใหม่ๆ ยังไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง จึงอาศัยกินข้าวบ้านแม่บ้าง หรือทางฝั่งแม่ยายบ้าง กระทั่งได้งานเป็นพนักงานเก็บขยะเทศบาลแห่งหนึ่ง ทางญาติก็คิดว่านายจ๊อบคงกลับตัวเลิกเสพยา ทราบจากชาวบ้านว่านายจ๊อบมักจะใช้เสียงดังโวยวาย เนื่องจากน้องโฟสเป็นเด็กพิเศษ ดื้อซนตามประสาเพราะจะอยู่นิ่งๆไม่ได้ เมื่อถามว่าระหว่างนายจ๊อบกับ น.ส.น้ำฝนใครอารมณ์ร้ายกว่ากัน นางทิพย์ตอบส่วนใหญ่จะเป็น น.ส.น้ำฝนที่จะตีน้องโฟส ส่วนนายจ๊อบก็ตีบ้างแต่ไม่หนักเหมือนผู้เป็นแม่ และเคยเห็นหน้า น.ส.น้ำฝนปูดบวม เมื่อถามก็อ้างว่าขับจักรยานยนต์ล้ม ความจริงหลอนยาแล้วทุบตีกัน ซึ่งหลานสองคนเห็นเหตุการณ์โดยตลอด ส่วนยาบ้าในพื้นที่แค่โทรกริ๊งเดียว ก็มาส่งถึงที่แล้ว
นอกจากนี้นางทิพย์ได้เล่าอีกว่า น.ส.น้ำฝนป่วยเป็นโรคกระดูกพรุน ช่วงตั้งครรภ์น้องเฟสลูกคนแรก แพทย์บอกว่ามีโอกาสมีลูกได้เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่พลาดจึงให้กำเนิดน้องโฟสเป็นคนที่สอง และคลอดออกมากลายเป็นเด็กพิเศษ ตอนนี้เป็นห่วงน้องเฟสที่ต้องขาดเรียน ขณะที่นางดาราผู้เป็นแม่ ที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน เนื่องจากเป็นคนชอบทานเนื้อสัตว์สุกๆดิบๆประจำ และไม่ยอมไปพบแพทย์ตามนัดจึงหูหนวกถาวร
ทางด้าน บ้านพักเด็กและครอบครัวนครพนม หลังรับตัวนางดารา น.ส.น้ำฝน และน้องเฟส น้องโฟส เข้ามาดูแลชั่วคราวแล้ว ได้นำตัวไปให้แพทย์ตรวจสุขภาพ ทราบว่าน้องโฟสที่เป็นเด็กพิเศษ มีประวัติการรักษาอยู่ แต่ผู้ปกครองไม่พามาพบแพทย์ตามนัด จึงไม่ได้ทานยาต่อเนื่อง ทำให้เด็กไม่ได้รับการพัฒนาที่ถูกต้อง อีกทั้งผู้ปกครองไม่ใส่ใจ ในการศึกษาของน้องโฟส จึงประสานสถานที่สอนเฉพาะเด็กพิเศษ ให้ได้เรียนหนังสือเรียบร้อยแล้ว ส่วนผู้เป็นแม่ต้องเข้าสู่กระบวนบำบัด แบบเช้าไปเย็นกลับ และน้องเฟสทางบ้านพักเด็กฯ ได้แจ้งไปยังโรงเรียนขอหยุดเรียนระยะสั้นๆ เพื่อประเมินสภาพจิตใจเด็กก่อน จะปล่อยให้กลับมาอยู่ในความดูแลของญาติต่อไป
ทางด้านเทศบาลฯ ที่รับนายจ๊อบเข้าทำงานเป็นลูกจ้างชั่วคราว ได้ชี้แจงว่านายจ๊อบยื่นเอกสารสมัครตามขั้นตอน และมีการสอบถามเบื้องต้น ก็เห็นว่าปกติทุกอย่าง ประกอบกับมีฐานะยากจนจึงรับเป็นพนักงานเก็บขยะ ถือเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน เมื่อทราบว่ามียาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง และทำร้ายคนในครอบครัว ก็ต้องพิจารณาตามขั้นตอน ยืนยันถ้าทราบว่ายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด จะไม่รับเข้าทำงานแน่นอน
//ภาพ-ข่าว//พงศ์สุคนธ์ คุณธรรมมงคล//นครพนม (061-2838566)