รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครเชียงใหม่ ชี้แจงข่าว กรณีกลุ่มพ่อค้า-แม่ค้า จำนวน 35 รายบุกรุกพื้นที่สาธาณะประโยชน์บริเวณสามหลี่ยมหน้าร้านทองโอ้วจินเฮง ระบุต้องทำการให้ย้ายออกตามคำสั่งศาลปกครอง มิฉนั้นดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย เพราะอนุโลมมานานแล้ว ระบุเป็นนโยบายหลักในการคืนพื้นทีสาธารณะให้กับประชาชนชาวเชียงใหม่


จากกรณีเหตุการณ์กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าที่จำหน่ายสินค้าพื้นที่สาธารณะประโยชน์ บริเวณสามเหลี่ยม ด้านหน้าร้านทองโอ้วจินเฮง ต.ช้างม่อย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ จำนวน 35 ราย รวมตัวกันร้องเรียนต่อสื่อมวลชนเพื่อขอความเป็นธรรมไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่,เทศบาลนครเชียงใหม่ ภายหลังจากถูกทางเทศบาลนครเชียงใหม่ติดประกาศให้ออกจากพื้นที่สาธารณะสามเหลี่ยม ด้านหน้าร้านทองโอ้วจินเฮง ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2567 หากไม่ปฎิบัติตามคำประกาศของทางเทศบาลนครเชียงใหม่ ทางเทศบาลก็จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ตามข่าวที่เสนอไปนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 นายอัศนี บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครเชียงใหม่ มอบหมายให้นายภวฤทธิ์ กาญจนเกตุ รองนายกเทศมนตรีฯ และนายเอกชัย ท้าวคำมา หัวหน้าฝ่ายปกครองงานเทศบาลนครเชียงใหม่ ออกมาชี้แจงกับสื่อมวลชนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

นายภวฤทธิ์ กาญจนเกตุ รองนายกฯกล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้น มีการสอบถามมาเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายของเทศบาลนครเชียงใหม่ และการประชุมร่วมกับกลุ่มพ่อค้า-แม่ค้า ที่ขายของบริเวณพื้นที่สามเหลี่ยมหน้าร้านทองโอ้วจินเฮง เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2566 อย่างเป็นทางการโดยมีการชี้แจงข้อกฎหมาย และข้อสอบถามให้กับกลุ่มพ่อค้า-แม่ค้าทุกราย ได้รับทราบตามขั้นตอน ซึ่งกลุ่มพ่อค้า-แม่ค้า ก็ลงชื่อตกลงด้วยดี หลังจากนั้นทางเทศบาลฯได้มีหนังสือออกไปให้ทางกลุ่มพ่อค้า-แม่ค้า ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 ให้ย้ายออกภายใน 15 วัน ตามหนังสื่อที่แจ้งไป แต่ปรากฎว่า ระหว่างที่ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ รอการรื้อถอน และย้ายออกนั้นกลุ่มพ่อค้า-แม่ค้า ทั้งหมดได้ไปยื่นหนังสือร้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้อยู่ต่อไปอีก
โดยทางเทศบาลนครเชียงใหม่ ก็รอคำสั่งจากศาลปกครอง โดยไม่ได้ผลักดันให้กลุ่มพ่อค้า-แม่ค้า ให้ออกภายใน 15 วัน แต่อย่างไร จนสุดท้ายเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2567 ศาลปกครองได้คำสั่งออกมาไม่ทุเราคำร้องของกลุ่มพ่อค้า-แม่ค้า ทางกลุ่มพ่อค้า-แม่ค้าแต่อย่างใด ทางกลุ่มพ่อค้า-แม่ค้าได้มายืนคำร้องขอต่อเทศบาลนครเชียงใหม่ ขอยืดเวลาออกไปอีก 1 เดือน คือวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2567 แล้วก็จะย้ายออกโดยมีหนังสือ มายื่นต่อเทศบาลฯจำนวน 29 ราย ซึ่งกลุ่มพ่อค้า-แม่ค้า ได้ยื่นถอนฟ้องต่อศาลปกครองไปแล้ว จำนวน 28 ราย เหลือเพียง 1 รายที่ไม่ยอมถอนฟ้อน ที่ศาลปกครอง ตนเองมองว่าในเมื่อกลุ่มพ่อค้า-แม่ค้า ร้องขอมาเราก็อนุโลมให้ เมื่อถึงเวลารื้อถอนให้ออกจากพื้นที่ กลุ่มพ่อค้า-แม่ค้า กลับไม่ยอมย้ายออกไปอีก จึงเป็นที่ไปที่มาของการร้องเรียนต่อสื่อมวลชน
โดยหน้าที่ของเทศบาลฯจำเป็นต้องเอาพื้นที่สาธารณะประโยชน์ตรงนี้คืนมา หากเทศบาลไม่ดำเนินการ ก็จะถูกกลุ่มประชาชน ที่ร้องเรียนไปยังหน่วยงานเทศบาลฯ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ ,ฝ่ายพัฒนา ของเทศบาลนครเชียงใหม่ ตำหนิ และดำเนินคดีได้ หากไม่ดำเนินการ ทางเทศบาล หน่วยงานเทศกิจฯก็จะถูกดำเนินคดีมาตรา 157 ฉะนั้นเจ้าหน้าที่เทศบาลฯต้องดำเนินการผลักดันออกตามหน้าที่
“ตามคำสั่งขอศาลปกครองเขาไม่ทุเรา แสดงว่าผิดจริง ทางเทศบาลก็ทำตามหน้าที่ โดยหลังวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2567 กลุ่มพ่อค้า-แม่ค้า ก็ยังไมย้ายออก ทางเทศบาลฯหน่วยงานเทศกิจฯจึงได้ไปติดป้ายประกาศให้ออก หากไม่ออกทางเทศบาลฯก็จะให้ฝ่ายนิติกรของเทศบาลไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นหน้าที่ของฝ่ายนิติกร ดำเนินการต่อไป หากฝ่ายนิติกรไม่ดำเนินการก็จะถูกดำเนินคดีมาตรา 157 โดยจะต้องมีการประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย”
นายภวฤทธิ์ กาญจนเกตุ รองนายกฯกล่าวต่อว่า พื้นที่บริเวณหน้าร้อนทองโอ้วจินเฮง เป็นพื้นที่สาธาณะ เทศบาลฯจะอนุญาติให้ใครเข้าไปครอบครอง ขายสินค้าและเก็บเงิน ซึ่งเป็นนโยบายของผู้บริหารแต่ละยุค ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวกลุ่มพ่อค้า-แม่ค้า ได้ขายสินค้ามากว่า 20 ปี แต่มาถึงยุคนายอัศนี บูรณปกรณ์ เป็นนายกฯก็มีนโยบายที่ชัดเจนออกมาว่าพื้นที่ดังกล่าวจะให้ใครไปครอบครองหรือจำหน่ายสินค้า และขายสินค้าต่ออีกไม่ได้ ซึ่งการให้ขายชั่วคราวและเก็บเงินมันทำไม่ได้ ทางเทศบาลฯต้องดำเนินการ ซึ่งมันถึงเวลที่จะต้องคินพื้นที่ให้กับเทศบาลแล้ว ซึ่งหากกลุ่ม่อค้า-แม่ค้า ยังดื้อรั้นไม่ยอมย้ายออก ทางหน่วยงานเทศบาลก็จะดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินการจับกุมข้อหาบุกรุกฯซึ่งพื้นที่บริเวณสามเหลี่ยมหน้าร้านทองโอ้วจินเฮง ทางหน่วยงานเทศบาลมีนโยบายจะดำเนินการคืนเป็นพื้นที่สาธารณะฯโดยมีการสร้างสวนหย่อมให้กับชาวเชียงใหม่ และบุคคลทั่วไป แล้วเท่าที่เทศบาลฯได้สำรวจพบมีผลประโยชน์ทับซ้อน เนื่องจากทางเทศบาลฯพบหลักฐานคลิป เนื่องจากผู้ค้าฯได้นำพื้นที่ดังกล่าวไปเช่าช่วงขายต่อและเก็บเป็นรายเดือนๆละ 3,000 บาท แต่ยังไม่สามารถ นำคลิปฯมาเปิดเผยได้ ซึ่งในตอนนี้ทางเทศบาลมีนโยบายจะสร้างพื้นที่สีเขียวให้กับชาวเชียงใหม่ มากที่สุุดเท่าที่จะทำได้ และจะมีโครงการผลักดันพื้นที่ที่ผิดกฎหมายให้กลับคืนอย่างถูกต้อง และเทศบาลฯก็จะไม่มีการไปเก็บเงินจากกลุ่มพ่อค้า-แม่ค้า หรือแบ่งขายล๊อค อย่างเด็ดขาด ซึ่งถือเป็นนโยบายหลักที่ชัดเจน
ล่าสุดในช่วงเช้าวันนี้ (29 กุมภาพันธ์ 2567 )ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ฯได้มีการส่งเจ้าหน้าที่เทศกิจฯออกไป แจ้งให้กับกลุ่มพ่อค้า-แม่ค้า ให้ย้ายออกไปจากบริเวณพื้นที่สามเหลี่ยมหนาร้านทองโอ้วจินเฮง มิฉนั้นทางเทศบาลนครเชียงใหม่ จะแจ้งความดำเนินคดีต่อไป โดยกลุ่มพ่อค้า-แม่ค้า ก็ยังคงพยายามดื้อดึงเพื่อขอใช้พื้นที่ต่อไป.
*****************
นิวัตร ธาตุอินจันทร์ เชียงใหม่