บิ๊กโจ๊กยืนยันไม่ได้สั่งปลดป้ายชื่อหน้าห้องทำงานและชื่อบนเว็บไซต์ พร้อมทำหนังสือคัดค้านรายชื่อคณะกรรมการบางคนที่เป็นคู่ขัดแย้งในการพิจารณา

 

วันนี้พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล นายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ เป็นประธานพิธีรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุเนื่องในวันสงกรานต์ โดยมีผู้สูงอายุชาวภาคใต้กว่า 147 ท่านมาร่วมกิจกรรมท่ามกลางมวลชนชาวปักษ์ใต้ที่มาร่วมงานคับคั่ง

ภายหลังหลังจากเสร็จสิ้นพิธีทางศาสนาพลตำรวจเอกสุรเชษฐได้นำคณะกรรมการสมาคมร่วมรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ เพื่อขอพรตามวิถีประเพณีไทย ก่อนจะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน

 

พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ กล่าวถึงการปลดป้ายชื่อหน้าห้องทำงานหลังจากมีการเผยแพร่ภาพคลิปวงจรปิดออกมาบางส่วนโดยยืนยันว่าตนได้สั่งให้ลูกน้องขนของส่วนตัวออกจากห้องทำงานภายหลังจากมีคำสั่งเพราะเป็นคนรักษาวินัย เมื่อมีคำสั่งก็มีการขนของออกแต่ส่วนใหญ่จะเป็นของใช้ส่วนตัว ส่วนใหญ่การปลดป้ายชื่อนั้นยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนสั่งการ เช่นเดียวกันกับการปลดชื่อตำแหน่งออกจากเว็บไซต์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนใครเป็นคนทำนั้นก็ต้องไปรับผิดชอบกันเอาเอง

ส่วนประเด็นที่จะมีการประชุมคณะกรรมการในวันที่ 29 ที่จะถึงนี้นั้นพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ บอกว่าไม่ได้หนักใจ เพราะเป็นไปตามขั้นตอนอยู่แล้ว แต่ก่อนหน้านี้ตนได้ทำหนังสือร้องคัดค้านรายชื่อกรรมการบางคน ซึ่งอยู่ในชุดที่จะพิจารณา เนื่องจากมองว่าเป็นคู่ขัดแย้งอยู่แล้ว จึงไม่สมควรที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการพิจารณา

 

สื่อมวลชนยังได้ถามว่าการที่มีมวลชนมาให้กำลังใจมากมายขนาดนี้ถือเป็นการใช้ ประชาชนเป็นโล่หรือไม่พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ บอกว่า ไม่ใช่เช่นนั้นแน่นอนเพราะคนที่มาเค้ามาด้วยใจ และก็น้อมรับน้ำใจที่ให้มา และยังมีมวลชนอีกจำนวนมากที่ส่งข้อความมาทางโซเชียลมีเดีย และช่องทางสื่อต่างๆ ซึ่งในส่วนนี้ก็ขอขอบคุณ และยืนยันว่าจะเดินหน้าทำหน้าที่ในการทำเพื่อประชาชนและประเทศชาติต่อไป และถ้าหาก มีโอกาส ก็จะดำเนินการตามโครงการที่เคยทำไว้ก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาปากท้องให้กับประชาชน ในพื้นที่ภาคอีสานซึ่งส่วนใหญ่ยังตกเป็นเหยื่อของนายทุนดอกเบี้ยโหด โดยที่ที่ผ่านมาตนสามารถนำที่ดินของประชาชนกว่า 300,000 ไร่กลับคืนให้กับประชาชน และยังให้ความเป็นธรรมกับเหล่านายทุน เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง นี่เป็นการแก้ปัญหาแบบระยะยาว

#ปิดครบ จบไว ไร้อคติ
#คนรักบิ๊กโจ๊ก

ภาพ/ข่าว   วีระ ครองผล