*“ดร.มหานิยม”ยืนยัน”รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง”หนุนการศึกษาพระสงฆ์เต็มที่หลังเข้าประชุมคณะกก.การศึกษาพระปริยัติธรรม*
เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 20 ธันวาคม 2567 ที่ ห้องประชุมสำนักงานแม่กองธรรมสนามหลวง แขวงวัดบวรนิเวศ กรุงเทพฯ “ดร.นิยม เวชกามา” หรือ “ดร.มหานิยม” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (รศ.ดร.ชูศักดิ์ ศิรินิล) เข้าประชุมคณะกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรมครั้งที่ 4 / 2567
โดยมี “สมเด็จมหาวีระวงศ์” เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช กรรมการมหาเถรสมาคม เป็นประธานที่ประชุม “พระพรหมโมลี” แม่กลองบาลีสนามหลวง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ พระเถรานุเถระ เป็นกรรมการ ฝ่ายบรรพชิต กรรมการฝ่ายคฤหัสน์ จากหน่วยงานรัฐ มี “ศ.พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ” และ “นายอินธพร จั่นเอี่ยม” ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นเลขานุการ
ดร.นิยม เวชกามา เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้มีมติที่มุ่งเน้นพัฒนาคุณภาพการศึกษาและส่งเสริมพระพุทธศาสนา โดยแบ่งเนื้อหาได้คือ
1.การประชุมสัมมนาเพื่อขับเคลื่อนระบบประกันคุณภาพการศึกษา เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่สำคัญคือการประชุมสัมมนาเพื่อขับเคลื่อนการจัดทำระบบประกันคุณภาพการศึกษาพระปริยัติธรรม ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานการศึกษาและสถาบันการศึกษาต่าง ๆ เข้าร่วมจำนวนมาก ผู้เข้าร่วมได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาการศึกษาให้มีคุณภาพสูงขึ้น และสามารถตอบสนองต่อความต้องการของนักเรียนและสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ การประชุมนี้ยังได้มีการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการประเมินคุณภาพการศึกษาในระดับต่าง ๆ และการจัดทำมาตรฐานการศึกษาที่เหมาะสมกับบริบทของพระพุทธศาสนา เพื่อให้การศึกษาพระปริยัติธรรมสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล
2.การอบรมครูสอนพระปริยัติธรรมนั้น ยังมีการจัดโครงการอบรมครูสอนพระปริยัติธรรม แผนกบาลี รุ่นที่ 2 ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะการสอนให้กับครูผู้สอน การอบรมนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการสอน แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับครูในการพัฒนาการเรียนการสอนให้มีความหลากหลายและน่าสนใจมากยิ่งขึ้น การอบรมนี้มีการจัดกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การสอนแบบมีส่วนร่วม การใช้เทคโนโลยีในการเรียนการสอน และการสร้างสื่อการสอนที่มีคุณภาพ เพื่อให้ครูสามารถนำไปใช้ในการสอนจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3.การประชุมร่วมกับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สำคัญคือการประชุมร่วมกับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ซึ่งมีการหารือเกี่ยวกับโครงการแข่งขันทักษะทางวิชาการระดับประเทศ การประชุมนี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมความสามารถด้านวิชาการของนักเรียนพระปริยัติธรรม และสร้างเวทีสำหรับการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างสถาบันการศึกษาต่าง ๆ การจัดการแข่งขันนี้คาดว่าจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาทักษะด้านวิชาการในกลุ่มนักเรียน และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความสำคัญของการศึกษาในพระพุทธศาสนา
4.ผลกระทบต่อการศึกษาและสังคม ซี่งกิจกรรมทั้งหมดนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาการศึกษาพระปริยัติธรรม แต่ยังมีผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมโดยรวม การพัฒนาคุณภาพการศึกษาในพระพุทธศาสนาจะช่วยสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพ สามารถนำความรู้ไปใช้ในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การส่งเสริมการศึกษาในพระพุทธศาสนายังช่วยสร้างสังคมที่มีคุณธรรม จริยธรรม และความเข้าใจในหลักธรรมของพระพุทธศาสนา ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างสรรค์สังคมที่สงบสุขและมีความยั่งยืน
5.การสร้างเครือข่ายการศึกษาพระปริยัติธรรม เป็นการให้การพัฒนาการศึกษาพระปริยัติธรรมมีความยั่งยืน จำเป็นต้องมีการสร้างเครือข่ายการศึกษาที่เข้มแข็ง โดยการเชื่อมโยงระหว่างสถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ และองค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง การสร้างเครือข่ายนี้จะช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้และทรัพยากรระหว่างกัน ส่งผลให้การพัฒนาการศึกษามีความหลากหลายและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
6.การใช้เทคโนโลยีในการศึกษา ซึ่งในยุคปัจจุบัน การใช้เทคโนโลยีในการศึกษาเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้ การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเรียนการสอนพระปริยัติธรรมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้ และทำให้การศึกษาเข้าถึงได้ง่ายขึ้น การสร้างสื่อการสอนออนไลน์ การจัดการเรียนการสอนผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ จะช่วยให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา
7.การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา ในด้านการศึกษาพระปริยัติธรรมก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษา การสนับสนุนให้มีการวิจัยเกี่ยวกับการเรียนการสอน การพัฒนาหลักสูตร และการประเมินผลการเรียนรู้ จะช่วยให้เกิดการพัฒนาที่มีคุณภาพและตอบสนองต่อความต้องการของนักเรียนและสังคม
ดร.นิยม กล่าวว่า รัฐบาลนี้ที่มี “น.ส.แพทองธาร ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรี “รศ.ชูศักดิ์ ศิรินิล” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และตย ในฐานะผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ทุ่มเทเต็มที่ในการทำนุบำรุงวงการสงฆ์โดยพัฒนาคุณภาพการศึกษาและส่งเสริมพระพุทธศาสนาในทุกด้าน//////ดร.นิยม เวชกามา../kao kon e san