นครพนม-สายเขียวอกหัก นรข.ยึดกัญชายัดแน่นเต็มเรือ คาดนายทุนไทยจ้างปลูก ลำเลียงข้ามโขงหวังสวมสิทธิ์ ผลิตเป็นน้ำมัน-แพ็คขายในโซเชียล
*****
วันที่ 24 มกราคม 2567 ที่สโมสรทหารสัญญาบัตร กองบัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (บช.นรข.) พล.ร.ต.นรินทร์ ขาวเจริญ ผบ.นรข. นายวรวิทย์ พิมพนิตย์ ปลัดจังหวัดนครพนม พ.ต.อ.(หญิง) จีรนันท์ ธนะสิงห์ ผกก.พิสูจน์หลักฐานนครพนม ฯลฯ แถลงข่าวการตรวจยึดพืชกัญชาแห้ง น้ำหนักประมาณ 228 กิโลกรัม พร้อมเรือหาปลาพาหนะในการลำเลียง 1 ลำ เหตุเกิดบริเวณริมแม่น้ำโขง บ้านแพงใต้ หมู่ 1 ต.บ้านแพง อ.บ้านแพง จ.นครพนม เมื่อวันที่ 23 มกราคม ที่ผ่านมา
โดยในช่วงเช้าเวลาประมาณ 09.30 น.ของวันดังกล่าว น.ต.สมเจตน์ ค้าทวี หัวหน้าสถานีเรือบ้านแพง ลาดตระเวนทางเรือตามลำแม่น้ำโขง พบเรือกีบเพลายาว ซึ่งเป็นเรือหาปลาประจำถิ่น มีชายอยู่ในลำเรือ 2 คน แล่นมาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน บริเวณเมืองปากกระดิ่ง แขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว ก่อนจะทำทีลอยลำเอื่อยๆกลางแม่น้ำโขงเหมือนเรือหาปลาทั่วไป ซึ่งจากการสังเกตคล้ายเรือบรรทุกของหนักมา จึงส่งสัญญาณให้คนขับเรือแสดงความบริสุทธิ์ใจ ปรากฏว่าชายขับเรือได้เร่งเครื่อง เพื่อจะหันหัวกลับไปยังฝั่งที่แล่นมา แต่ถูกบล็อกจนต้องขับเรือเข้าฝั่งไทย พอเรือแตะฝั่งชายทั้งสองต่างกระโดดวิ่งหนีเข้าป่าหญ้ารก เพื่อให้พ้นการจับกุม ทั้งที่เรือยังไม่ทันได้ดับเครื่องยนต์
จากการตรวจสอบภายในลำเรือ พบกระสอบสีดำมีสเปรย์สีขาวพ่นเป็นอักษร M เหมือนเป็นสัญลักษณ์ทุกกระสอบ ภายในบรรจุพืชกัญชาแห้งจนแน่นนับได้ 17 กระสอบ ชั่งน้ำหนักได้ 228 กิโลกรัม จึงนำของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านแพง ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
โดยการลำเลียงพืชกัญชาข้ามโขงกลางวันแสกๆครั้งนี้ พล.ร.ต.นรินทร์ ขาวเจริญ ผบ.นรข. เปิดเผยว่าไม่ใช่เป็นการเหิมเกริมของขบวนการค้ากัญชาข้ามชาติ และคงคิดว่าหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ จะลาดตระเวนถี่เฉพาะตอนกลางคืน จึงชะล่าใจขนกันตอนกลางวันจนเต็มลำเรือ สุดท้ายก็ถูกสกัดตรวจยึดได้ดังกล่าว
ทั้งนี้ พืชกัญชาและกัญชง ได้ปลดล็อกออกจากยาเสพติดประเภท 5 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 แต่ยังคงเหลือเฉพาะสารสกัดจากกัญชง กัญชาที่มีปริมาณ THC เกิน 0.2% เท่านั้นที่ยังถือเป็นยาเสพติด โดยการปลดล็อกในครั้งนี้ก็เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากกัญชา กัญชงได้อย่างเหมาะสม ทั้งปลูกใช้ในครัวเรือน ดูแลผู้ป่วย หรือเชิงพาณิชย์ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แต่การขออนุญาตปลูกมีขั้นตอนหยุมหยิม ไม่ทันความต้องการในตลาด นายทุนคนไทยจึงข้ามฝั่งลำน้ำโขง ว่าจ้างชาวลาวม้งในแขวงบอลิคำไซปลูก เมื่อถึงเวลาเก็บผลผลิตก็จะขนข้ามมายังฝั่งไทย สวมสิทธิ์เป็นกัญชาสัญชาติไทย เพื่อนำไปผลิตเป็นน้ำมันกัญชา ส่วนหนึ่งส่งเอเย่นต์แพ็คขายในแหล่งท่องเที่ยว และโพสต์ขายในโซเชียลอย่างโจ่งครึ่ม สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ
ทั้งนี้กลุ่มสายเขียว นิยมพี้กัญชาที่ปลูกใน 3 เมืองคือ เมืองคำเกิด เมืองเวียงทอง และเมืองไซจำพอน แขวงบอลิคำไซ เนื่องจากภูมิประเทศของ 3 เมืองดังกล่าว จัดเป็นภูเขาสูงต่ำสลับกัน ติดพรมแดนลาว-เวียดนาม มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี เฉพาะเมืองเวียงทอง ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งปลูกกัญชาที่ดีที่สุด และกลุ่มพ่อค้ามีความต้องการสูง ชาวบ้านบางกลุ่มจึงปลูกกัญชากันเป็นล่ำเป็นสัน อีกทั้งยังมีพ่อค้ากัญชาชาวไทย ข้ามโขงไปยังแหล่งปลูก เพื่อคัดพันธุ์กัญชาด้วยตนเอง แล้วลงโฆษณาขายในโซเชียล ส่วนมากนิยมสายพันธุ์ซาติว่า หรือรู้จักกันในชื่อพันธุ์โคลัมเบีย เพราะมีฤทธิ์กระตุ้นประสาทแรงกว่าชนิดอื่น
อย่างไรก็ตามรัฐบาลลาว ยังถือว่ากัญชาเป็นสิ่งผิดกฎหมาย พร้อมสั่งแขวงปราบปรามทลายแหล่งปลูกกัญชาตามเมืองต่างๆ และให้เป็นวาระแห่งชาติอันเร่งด่วนด้วย
//ภาพ-ข่าว//พงศ์สุคนธ์ คุณธรรมมงคล//นครพนม (061-2838566)