ชาวบ้านหนองแห้งโวยอำเภอเข้าข้างผู้ใหญ่บ้าน

ราษฎรบ้านหนองแห้ง หมู่ 9 ต.เมืองปอน อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน โวยเจ้าหน้าที่ อำเภอขุนยวม เลือกปฏิบัติ เข้าข้างผู้ใหญ่บ้านที่ถูกยื่นถอดถอน ปล่อยให้ผู้ใหญ่บ้านข่มขู่คุกคามลูกบ้านจนหวาดผวา ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านรู้เห็นในการบุกรุกถ้ำแต่ไม่ตั้งกรรมการสอบเอาผิด นอกจากนั้นยังพบการกระทำผิดทำลายทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่มากมายแต่ไม่เห็นเอาผิดแต่อย่างใด

เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 นายบุญส่ง วนาดอน อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66 หมู่ 9 ต.เมืองปอน อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า จากกรณีราษฎรบ้านหนองแห้ง หมู่ 9 ต.เมืองปอน ฯ ได้เข้าชื่อร้อนเรียนให้ปลดผู้ใหญ่บ้านออกจากตำแหน่ง ในข้อหา 1.ยิงปืนในหมู่บ้าน โดยไร้เหตุผล , 2.ปล่อยยาเสพติด ระบาดในหมู่บ้านมากขึ้น เด็กวัยรุ่นในหมู่บ้านกว่าร้อยละ 50 ติดยาเสพติดงอมแงม , 3.ใช้ความรุนแรงต่อครอบครัวเป็นตัวอย่างไม่ดี เมาเหล้าประจำ ไม่เคยประชุมชาวบ้าน ขาดประชุมทางอำเภอ 5 เดือน อ้างว่าป่วยและจะไปบำบัดเหล้า แต่กลับดื่มเหมือนเดิม , 4.โครงการ sme ปี 2556 จำนวนเงิน 500,000 บาท ประกอบด้วย ตู้น้ำดื่ม 25,000 บาท ซื้อปุ๋ยยาปราบศัตรูพืช 25,000 บาทไม่ทราบว่าเงินเหล่านี้หายไปใหนโดยไม่มีการชี้แจงให้ชาวบ้านทราบ, 5.ทุจริตก่อสร้างร่องระบายน้ำในหมู่บ้านฝาปิดร่องระบายน้ำไม่ครบตามแบบ อ้างงบหมด ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีงบตามที่กล่าวอ้าง , 6.มีการทุจริตงบดับไฟป่า ได้เงินมาแต่ไม่จ่ายให้กับชาวบ้าน ปล่อยให้มีการเผาป่าจนเกิดหมอกควันไฟป่าเต็มหมู่บ้าน โดยไม่แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และ 7.มีการสมคบกับคนต่างถิ่นพากันบุกรุกครอบครองถ้ำผาผึ้ง ซึ่งเป็นสมบัติของแผ่นดิน และเป็นแหล่งท่องเที่ยวของหมู่บ้าน ต่อทางอำเภอขุนยวม , จังหวัดแม่ฮ่องสอน และ อธิบดีกรมการปกครอง

นายบุญส่ง วนาดอน กล่าวต่อไปว่า ราษฎรบ้านหนองแห้งได้เคยร้องเรียน ผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งล่าสุด ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนไปเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 ต่อมาในวันที่ 11 มกราคม 2567 ถึงได้มีเจ้าหน้าที่จากทางอำเภอมาดำเนินการให้ราษฎรที่เข้าชื่อร้องเรียนไปจำนวน 219 คน ทำการยืนยันตัวตนต่อทางอำเภอ ซึ่งพบว่า มีราษฎรได้ทำการยืนยันตัวตนเพียง 153 คน ขาดไป 66 คน สาเหตุมาจากตอนที่มีการร้องเรียน ได้มีราษฎรในหมู่บ้านส่วนหนึ่งที่ไปทำงานต่างจังหวัดและกลับมาบ้านในห้วงปีใหม่ ได้เข้าชื่อร่วมร้องเรียนเมื่อถึงเวลายันยันตัวตนทำให้ไม่สามารถเดินทางกลับมายืนยันตัวตนได้ อีกประการคือ ราษฎรอีกส่วนหนึ่ง พากันหวาดกลัว หลังจากที่ได้มีการยื่นหนังสือร้องเรียนต่อทางอำเภอไปแล้ว พบว่า ในแต่ละวัน ผู้ใหญ่บ้านได้ประกาศเสียงตามสาย ข่มขู่ คุกคาม ราษฎรในหมู่บ้านว่า จะเอาเรื่องและมีทนายฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ต่อผู้ที่เข้าชื่อร้องเรียน ทำให้ราษฎรส่วนใหญ่ไร้การศึกษาและยากจน พากันหวาดกลัว โดยพฤติกรรมของผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าว ได้มีการแจ้งให้แก่กำนันและเจ้าหน้าที่ของอำเภอขุนยวมไปแล้ว แต่กลับไม่มีการดำเนินการห้ามปรามแต่อย่างใด กลับปล่อยให้มีการข่มขู่นานนับเดือน โดยไม่มีการตั้งกรรมการสอบสวนเอาผิดต่อผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าว จนชาวบ้านหวาดผวาและท้อใจ

ด้านนายจรูญ ถิ่นเมืองแม่ อายุ 71 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11 หมู่ 9 ต.เมืองปอน อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ถ้าผู้ใหญ่บ้านปฏิบัติตัวดี และสร้างความเจริญให้กับหมู่บ้าน คงจะไม่มีใครร้องเรียนแบบนี้ และนี่เป็นการร้องเรียนครั้งที่ 2 แต่ทางอำเภอกลับเพิกเฉย ปล่อยให้ผู้ใหญ่บ้านข่มขู่ราษฎร อ้างจะฟ้องกลับเรียกค่าเสียหาย ทำให้ราษฎรพากันหวาดกลัว

อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวในกลุ่มผู้ร้องเรียนผู้ใหญ่บ้าน ระบุว่า หากทางอำเภอยังไม่แก้ใขปัญหาให้กับราษฎรในหมู่บ้านหนองแห้ง ก็จะมีการยกขบวนไปประท้วงที่ศาลากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอนต่อไปในเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้ปัญหาในการบริหารราชการของอำเภอขุนยวม พบว่ามีปลัดอำเภอบางคน เข้าข้างผู้ใหญ่บ้านและพยายามร่วมกันวางแผนให้ผู้ใหญ่บ้านกดดันราษฎรที่ต่อต้านโดยใช้กลวิธีต่าง ๆ นานา และไม่ใช่ว่าเหตุดังกล่าวจะเกิดที่หมู่บ้านหนองแห้งแต่เพียงแห่งเดียว พบว่ายังมีอีกหลายหมู่บ้านที่เป็นชนเผ่ากะเหรี่ยงและถูกผู้ใหญ่บ้านคุกคามในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน การให้ท้ายผู้ใหญ่บ้านปล่อยให้มีการบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติมีให้เห็นทั่วไปในพื้นที่อำเภอขุนยวม ปล่อยให้มีการขุดหินทรายในแม่น้ำสาธารณะ ของกลุ่มนายทุนที่ร่ำรวย ปล่อยให้ราษฎรที่ทำการเกษตรต้องได้รับผลกระทบจากการใช้น้ำในการเกษตร เป็นมาช้านานแต่เจ้าหน้าที่รัฐที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง พากันเพิกเฉย ซึ่งต่อไปนี้ชาวบ้านจะไม่ทนอีกต่อไป
—————————————-
ทศพล / แม่ฮ่องสอน