ซีพีเอฟ ร่วม กทม. โครงการปลูกต้นไม้ 1 ล้านต้น
เพิ่มพื้นที่สีเขียวเขตหนองจอก ในวัน “ความหลากหลายทางชีวภาพ”

กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานเขตหนองจอก ร่วมกับ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ หนุนนโยบายปลูกต้นไม้ 1 ล้านต้นของ กทม. สร้างพื้นที่สีเขียวเป็นกำแพงกรองฝุ่นทั่วกรุง คิกออฟพัฒนาพื้นที่ว่างเปล่าที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ของ กทม. สู่ “ศูนย์การเรียนรู้ ป่าฉลาดพลาดไม่ได้” เป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งนันทนาการให้ประชาชนในพื้นที่

วันนี้ (21 พ.ค. 2567) นายไพโรจน์ จันทรอด ผู้อำนวยการเขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร เป็นประธานในกิจกรรม “KICK OFF ศูนย์การเรียนรู้ ป่าฉลาดพลาดไม่ได้” ร่วมกับ นายณฤกษ์ มางเขียว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีเอฟ ฟู้ด แอนด์ เบฟเวอร์เรจ จำกัด ธุรกิจอาหารสำเร็จรูป ในกลุ่มของซีพีเอฟ พร้อมด้วย นางกอบบุญ ศรีชัย ผู้บริหารสูงสุด สายงานกิจการองค์กรและลงทุนสัมพันธ์ ซีพีเอฟ คณะผู้บริหารกทม. และ ซีพีเอฟ ผู้อำนวยการโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) 4 คณะครูและนักเรียน สมาชิกสภา กทม. เขตหนองจอก สส.กทม. ตลอดจนผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลลำผักชีและสุวินทวงศ์ ร่วมกันปลูกต้นไม้ บริเวณแปลงป่าสีสันพรรณไม้ดอก พื้นที่ข้างโรงเรียนบดินทร์เดชาฯ 4 แขวงลำต้อยติ่ง สนับสนุนเป้าหมาย กทม. ปลูกต้นไม้ 1 ล้านต้น และร่วมฉลอง “วันความหลากหลายทางชีวภาพ” 22 พฤษภาคมของทุกปี

นายไพโรจน์ จันทรอด ผู้อำนวยการเขตหนองจอก เปิดเผยว่า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัด กทม. ร่วมกับภาคเอกชนและประชาชน ปลูกต้นไม้เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศเมืองที่ดี ทั้งในพื้นที่ความรับผิดชอบของ กทม. พื้นที่สาธารณะ สถานประกอบการ บ้านเรือนประชาชน เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวเป็นกำแพงต้นไม้กรองฝุ่นทั่ว กทม. และยังเป็นการช่วยบรรเทาผลกระทบจากสภาวะโลกร้อน ซึ่งพื้นที่ทำกิจกรรมในวันนี้ เป็นพื้นที่ว่างเปล่าที่ไม่มีการใช้ประโยชน์ รวมทั้งหมด 16 ไร่ ซึ่ง กทม. และภาคเอกชน คือ ซีพีเอฟ มีแผนในการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแหล่งสำหรับประชาชนใช้ประโยชน์จากสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นต่อไป

“ขอขอบคุณซีพีเอฟ ที่ร่วมมือกับเขตหนองจอก กทม. มาปลูกป่าในวันนี้ เป็นการสร้างปอดให้กับคนกรุงเทพ และยังคืนประโยชน์กลับสู่สังคมด้วย” ผู้อำนวยการเขตหนองจอก กล่าว

ด้าน นายณฤกษ์ มางเขียว กล่าวว่า ซีพีเอฟ ดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของการตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งเป็นต้นทางของการสร้างความมั่นคงทางอาหาร มุ่งมั่นมีส่วนร่วมปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ สอดรับกับเป้าหมาย SDGs ข้อ 13 รับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ ข้อ 15 ปกป้อง ฟื้นฟูและสนับสนุนการใช้ระบบนิเวศบนบกอย่างยั่งยืน และหยุดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ

ในส่วนของ ซีพีเอฟ มีโครงการด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งเพื่ออนุรักษ์ ฟื้นฟู ปลูกป่าใหม่ เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าต้นน้ำและป่าชายเลน รวมไปถึงการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในสถานประกอบการ อาทิ โครงการซีพีเอฟ รักษ์นิเวศ ลุ่มน้ำป่าสัก เขาพระยาเดินธง จังหวัดลพบุรี โดยต้นทางของกล้าไม้ที่นำมาปลูกในเขตหนองจอก จำนวน 35 ชนิด รวมกว่า 600 ต้น มาจากพื้นที่โครงการฯ ดังกล่าว ด้วยการคัดเลือกชนิดพันธุ์ไม้ที่เหมาะสมกับพื้นที่ลุ่มต่ำของ กทม. เป็นพันธุ์ไม้ที่มีค่าทางเศรษฐกิจ ดูแลให้แกร่งโดยชุมชน เป็นการส่งเสริมชุมชนรักษาป่าและมีรายได้จากการเพาะพันธุ์กล้าไม้ นอกจากนี้ ยังเป็นการสานต่อกิจกรรมนำร่องเมื่อ ปี 2565 ซึ่งบริษัทฯได้นำกล้าไม้มาแจกให้แก่คนใน กทม. นำไปปลูกในพื้นที่อยู่อาศัย ปัจจุบัน กิจการในประเทศไทยและกิจการต่างประเทศ (ข้อมูลจาก 8 ประเทศ) ของซีพีเอฟ ดำเนินการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และปลูกป่าใหม่ไปแล้วกว่า 6.85 ล้านต้น บนพื้นที่ 19,932 ไร่ ช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 4.8 หมื่นตันต่อปี./